วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

เกาะหลีเป๊ะ


สวัสดี
          ทำบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยให้คนไทยได้รู้จัก  และถ้าชาวต่างชาติสามารถอ่านเข้าใจก็จะได้มาเที่ยวเมืองไทยเยอะๆ  คนไทยจะได้รวยๆทุกคน
เกาะหลีเป๊ะ (Koh Lipe) เป็นหนึ่งในหลายๆ เกาะของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ตั้งอยู่สุดเขตแดนใต้ อยู่ในกลุ่มของหมู่เกาะอาดัง - ราวี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะตะรุเตา ห่างเกาะตะรุเตา 45 กิโลเมตร ห่างจากฝั่งท่าเรือปากบารา 62 กิโลเมตร อยู่ใกล้ๆ กับเกาะอาดัง ลักษณะของเกาะเหมือนดังในภาพ ความยาวหัวถึงท้ายเกาะ 3 กิโลเมตร เกาะหลีเป๊ะ นี้ถึงแม้จะอยู่ในเขตอุทยานฯ แต่ว่าพื้นที่ทั้งหมดเป็นของชาวบ้านซึ่งอยู่อาศัยบนเกาะมาเป็นร้อยกว่าปีก่อนประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ ดังนั้นการจัดการพื้นที่บนเกาะจึงอยู่นอกเหนืออำนาจของอุทยาน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชุมชนบริการจัดการ โดยอุทยานแห่งชาติคอยดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว

หาดต่าง ๆ บนเกาะหลีเป๊ะ

หาดชาวเล  ตั้งอยู่บริเวณหน้าเกาะหลีเป๊ะ ทางทิศตะวันออกของเกาะ หาดชาวเลเป็นชายหาดทอดยาวหลายร้อยเมตร ร่มรื่นไปด้วยทิวมะพร้าวน้อยใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายตลอดแนวหาด สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงาม มองเห็นหน้าเกาะอาดังซึ่งอยู่ห่างเพียง 800 เมตร ได้อย่างดี มีบ้านเรือนชาวเลอาศัยอยู่กระจัดกระจายไม่หนาแน่น และมีรีสอร์ทที่พักริมหาดให้เลือกบริการพอสมควร                                                                                                                                     หาดพัทยา ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของเกาะ มีเส้นทางเดินเท้าจากหน้าเกาะมายังหาดพัทยา ชายหาดยาวเป็นโค้งเว้ารูปครึ่งวงกลม หาดขาวสะอาดตลอดแนว และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดของบรรดาเกาะทั้งหลายในทะเลสตูลก็ว่าได้ ถัดจากแนวหาดขึ้นไปเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทสไตล์บังกะโลหลายแห่งให้เลือกใช้บริการ บริเวณหน้าเกาะเป็นโขดหิน ที่พักที่ปลูกสร้างเป็นเนินจึึงชมทีวทัศน์ได้สวยงาม ชายหาดด้านนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาก ในมื้อดินเนอร์จึงมีเสียงเพลงสากลขับกล่อม เพราะผู้คนที่มานั่งดื่ม-กินบนโต๊ะริมหาดเป็นฝรั่งเสียส่วนใหญ่ นอกจากมีที่พักแล้ว ยังมีร้านขายของชำ ร้านอาหาร ร้านให้เช่าอุปกรณ์ดำน้ำ และเรือหางยาวให้เช่าไปเที่ยวเกาะต่าง ๆ เกาะหลีเป๊ะ จึงเป็นเสมือนศูนย์กลางการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาเที่ยวหมู่เกาะ อาดัง - ราวี เมื่อเรือโดยสารจากท่าเรือปากบาราบนฝั่งสตูลเดินทางมาถึงเกาะหลีเป๊ะในตอนเย็นแล้ว จะมีเรือหางยาวมารับ นักท่องเที่ยวไปยังหาดต่าง ๆ เพื่อเข้าพักตามรีสอร์ท เช้าวันใหม่จึงหาเรือหางยาวเช่าเหมาไปเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ ซึ่งหากใช้เวลาตลอดวันก็สามารถเที่ยวได้หมดทุกเกาะแล้ว เพราะแต่ละเกาะอยู่ใกล้ ๆ กัน เช่น เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหินงาม เกาะจาบัง เกาะยาง เกาะรองกอย ฯลฯ ตกเย็นก็กลับมานอนที่เกาะหลีเป๊ะ แล้วรอเรือโดยสารกลับในวันถัดไป ช่วงเลาเวลาที่เหลือบนเกาะใครอยากนอนเล่นพักผ่อนริมชายหาด ลืมเรื่องราววุ่นวายไว้ชั่วขณะหนึ่ง
 
ในภาษาชาวทะเล "หลีเป๊ะ" แปลได้ว่า แผ่นกระดาษ เพราะเกาะนี้มีลักษณะแบนราบคล้าย แผ่นกระดาษที่ลอยน้ำและเป็นเพียงเกาะเดียวที่มีหมู่บ้านอย่างถาวรซึ่งทั้งหมดเป็นชาวเล ซึ่งในบรรดาเกาะทั้งหมดในทะเลสตูล เกาะหลีเป๊ะนับเป็นเกาะหนึ่งที่มีชุมชนชาวเลอาศัยอยู่มานาน และเกาะหลีเป๊ะ เองก็มีความสวยงามของธรรมชาติไม่เหมือนใคร
 
ปัจจุบันหมู่เกาะตะรุเตาเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวว่า เป็นแหล่งชมปะการังอ่อนที่สวยงามที่สุด หมู่เกาะตะรุเตาได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 โดยรวบรวมเกาะน้อยใหญ่กว่า 50 เกาะเข้ามาอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ ตั้งชื่อว่า อุทยานแห่งชาติตะรุเตา อันประกอบด้วยเกาะใหญ่ๆ ได้แก่ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ ในบรรดาทุกเกาะที่กล่าวมานี้มีเกาะตะรุเตาเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานตะรุเตา ส่วนเกาะอื่นๆ นั้นกระจุกตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงกันเรียกว่า หมู่เกาะอาดัง บ้างก็เรียกรวมๆ ว่าเกาะอาดัง-ราวี อันประกอบด้วย เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะหินงาม เกาะผึ้ง เกาะดง เกาะหินซ้อน ซึ่งแต่ละเกาะล้วนมีความสวยงาม และจุดเด่นที่แตกต่างกัน บางจุดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังอ่อน บางจุดมีแต่กัลปังหามากมาย และอีกจุดกับมีแต่ปะการังแข็ง โลกใต้น้ำที่นี่สวยงามมากๆ เดี๋ยวผมจะพาทุกท่านไปชมกันว่าเป็นอย่างไร
การเดินทางไปเที่ยวทะเลตะรุเตาจะต้องเริ่มจากท่าเรือปากบารา การเดินทางมีให้เลือกหลายวิธี ทั้งเรือเร็วโดยสารขนาดใหญ่ หรือเรือโดยสารธรรมดา เรือเหมา คณะของเราเลือกที่จะเดินทางโดยเรือเร็ว ซึ่งเป็นเรือเฟอรี่ขนาดใหญ่ จุดหมายของเราคือ หมู่เกาะอาดัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง ซึ่งถ้าเป็นเรือธรรมดาจะต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เรือเริ่มเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือปากบาราอย่างช้าๆ เมื่อผ่านพ้นปากคลองเข้าสู่เขตน้ำลึก เรือเริ่มทำความเร็วตามปกติเหมือนที่เคย เช้านี้อากาศแจ่มใส คลื่นลมข้างสงบ เรือทำความเร็วได้ดี และวิ่งได้นิ่งมาก นักท่องเที่ยวกำลังเพลิดเพลินกับการดูทีวีในห้องผู้โดยสารที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ บ้างก็นั่งหลับ ผมเลือกที่จะขึ้นไปนั่งตากลมชมวิวบนดาดฟ้า เมื่อมองออกไปเบื้องหน้าเห็นเทือกเขาดำทมึนอยู่กลางทะเล นั่นล่ะ เกาะตะรุเตา

เกาะตะรุเตา เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่สุด จากหัวเกาะถึงท้ายเกาะมีระยะทางถึง 26 กิโลเมตร อยู่ห่างจากฝั่งปากบารา 16 กิโลเมตร บนเกาะมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำตก มีลำธารที่มีน้ำตลอดทั้งปี แต่ก่อนเกาะนี้เคยเป็นสถานที่กักขังนักโทษการเมือง ในปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เราเพียงแค่ผ่านไปไม่ได้แวะ จุดหมายของเราอยู่โน่น... เกาะอาดัง ห่างจากเกาะตะรุเตาไปอีก 40 กิโลเมตร เรือวิ่งเลาะมาตามแนวเกาะตะรุเตา มองเห็นวิวหน้าผาหินซ้อนทับกันเป็นซั้นๆ ดูยิ่งใหญ่ และแปลกตา พอเรืออ้อมพ้นแนวเขาก็เห็นแนวชายหาดที่สวยงาม จุดนี้คือ อ่าวพันเตามะละกา เป็นอ่าวที่อยู่ด้านหน้าที่ทำการอุทยานฯ เป็นสถานที่พักผ่อน เล่นน้ำ ของนักท่องเที่ยวที่พักบนเกาะนี้

ความงดงามกลางทะเล

เรือวิ่งมาถึงจุดกึ่งกลางระหว่างเกาะตะรุเตา กับ เกาะอาดัง มีเกาะเล็กๆ อยู่ 3 เกาะ เรียกว่า เกาะกลาง หนึ่งในเกาะเล็กๆ นั้นคือ เกาะไข่ เกาะไข่ มีสัญลักษณ์ที่โดดเด่นคือ เป็นที่ตั้งของซุ้มประตูหินธรรมชาติ อันเป็นสัญลักษณ์ของตะรุเตา นอกจากจะมีซุ้มประตูหินแล้ว เกาะไข่ยังมีชายหาดที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียดตัดกับสีน้ำทะเลเขียวเข้มในแนวน้ำตื้นที่เบื้องล่างเป็นพื้นทราย ถัดออกไปเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบม่วงเป็นเขตแนวน้ำลึก เกาะไข่มีแนวชายหาดถึงสามด้าน คือ ด้านทิศตะวันตก ทิศตะวันออก และด้านทิศใต้ ยกเว้นด้านทิศเหนือ หรือ ด้านหลังซุ้มหิน ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินระเกะระกะ แนวหาดทรายทิศตะวันตก และ ทิศใต้ ถูกคลืนซัดมาพบกันที่กลางน้ำเกิดเป็นสันทรายยาวลงไปในทะเล ทั้งสองด้านของหาดทรายเหมาะสำหรับเล่นน้ำมากเพราะน้ำไม่ลึก
เรือออกจากเกาะกลางไม่นานนักก็มาถึงจุดหมายปลางทาง ณ จุดจอดเรือหน้าหาดพัทยา 2 เดี๋ยวอย่าเพิ่งตกใจนะว่าอยู่ฝั่งทะเลตะรุเตาแล้วมาโผล่ที่พัทยาได้อย่างไร? หาดพัทยา 2 ที่ว่าเนี่ยคือ หาดของเกาะหลีเป๊ะ ที่เรียกว่าหาดพัทยา 2 อาจจะเป็นเพราะว่า มีชายหาดโค้งเว้าเหมือนหาดพัทยา หรือไม่ก็อาจจะมีฝรั่งเยอะ หรือไม่ก็บาร์เบียร์ เกาะหลีเป๊ะแห่งนี้ เป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายของการท่องเที่ยวทะเลตะรุเตา ที่นี่มีที่พักหลายระดับไว้บริการ ทั้งห้องพัดลม ห้องแอร์ หรือแม้กระทั่งลานกางเต็นท์ มีร้านอาหาร มีบาร์ มีเธค ด้านหน้าเกาะ หรือ ด้านทิศใต้มีหาดพัทยา 2 เป็นหาดทรายขาวละเอียด แต่น่าเสียดายที่มีขยะเยอะไปหน่อย ทางด้านหลังเกาะมีหาดทรายสวย และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม แต่การลงเล่นน้ำ หรือวิ่งเล่นชายหาดนี้ต้องระวังกันหน่อย เพราะบริเวณชายหาดมีเศษขวดแตกเยอะ หาดทรายก็ขาว ขยะก็เยอะ ขวดแตกก็เยอะ ก็ต้องระวังนิดนึง บนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านกลุ่มชาวเลในอดีตที่มีการตั้งชุมชนมานานกว่า 100 ปี เมื่อมีการประกาศจัดตั้งอุทยานฯ ในภายหลังจึงไม่ได้ผนวกเกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน เมื่อเกิดกิจกรรมการท่องเที่ยว เกาะหลีเป๊ะจึงเกิดการพัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว และเป็นศูนย์กลางความสะดวกสบายสำหรับการท่องเที่ยวทะเลตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะใช้เป็นแหล่งที่พักอาศัย ไม่มีแนวปะการัง การดำชมปะการรังจะต้องออกเรือไปดำที่จุดดำน้ำจุดอื่นที่อยู่ไม่ไกลกัน เกาะอาดัง จุดหมายของเราอยู่ด้านหลังกาะหลีเป๊ะห่างออกไปเพียง 1.6 กิโลเมตร เรือหางยาวจากเกาะอาดังมาจอดเทียบเรือใหญ่รอรับคณะของเรา เมื่อขนถ่ายสัมภาระลงเรือเสร็จก็มุ่งหน้าสู่เกาะอาดัง เมื่อเรืออ้อมพ้นแนวเกาะหลีเป๊ะ ก็เห็นแนวหาดทรายของเกาะอาดังอยู่เบื้องหน้า ที่นี่คือชายหาดแหลมสน เป็นจุดที่ตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีบ้านพัก มีลานกางเต็นท์ บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ เพราะเป็นเกาะของอุทยานแห่งชาติ จึงไม่มีการตั้งชุมชน ชายหาดแหลมสนทอดตัวยาวอยู่ทางด้านหน้าเกาะทางทิศตะวันออก ติดกับชายหาดคือลานกางเต็นท์ที่อยู่ใต้ป่าสนชายหาด
จากจุดนี้ในตอนเช้าจะเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม บริเวณนี้ใช้เป็นที่พักอาศัย เหมาะสำหรับการพักผ่อนชายหาด เล่นน้ำ เดินเล่น ผูกเปลนอนอ่านหนังสือ นั่งเล่นกับแฟน นอนเล่นชายหาด นอนดูดาวในยามค่ำคืน วิ่งไล่ปูลม ที่นี่เงียบสงบ ปลอดภัยไม่มีชุมชน ยามค่ำคืนจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าเวรดูแลความสงบเรียบร้อย บริเวณหน้าเกาะไม่มีแนวปะการัง หากต้องการดำน้ำชมปะการังจะต้องนั่งเรือออกไปดำชมตามจุดต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
ได้เวลาออกเรือไปดำชมปะการังกันแล้ว เช้านี้จะพาไปดำชมปะการังอ่อนหลากสีที่ร่องน้ำจาบัง อยู่ห่างออกเกาะอาดังประมาณ 5 กิโลเมตร นั่งเรือเดี๋ยวเดียวก็ถึง จาบังมีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำมี 5 ยอด แต่ละยอดตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ยอดเขาใต้น้ำ 4 ใน 5 ยอดนั้นปกคลุมด้วยปะการังอ่อนที่มีสีสันสวยงาม อีกทั้งฝูงปลาก็เยอะ นอกจากนี้ยังมีดาวขนนกเกาะอยู่มากมาย ดอกไม้ทะเลก็มี ปลาการ์ตูนนีโมก็มี ปะการังจุดนี้อยู่ในระดับความลึกไม่มาก หากเป็นช่วงที่น้ำลงต่ำสุดจะตื้นจนเหยียบถึง ดังนั้นหากดำในช่วงนี้ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเหยียบบนยอดกองหิน ถ้าหากลงดำในช่วงน้ำขึ้นสูงระดับความลึกก็จะเหมือนดังภาพบน เป็นระดับความลึกที่ไม่มากสามารถชมปะการังได้อย่างชัดเจน

อุปสรรคของการดำน้ำที่จุดนี้คือ ความแรงของกระแสน้ำ นักท่องเที่ยวจะต้องเกาะเชือกไว้ตลอดเวลาที่ดำชม มิฉะนั้นจะหลุดลอยไปตามกระแสน้ำ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือทัวร์เรือใหญ่ที่มักมาจอดบนยอดกองหินเพื่อปล่อยให้นักท่องเที่ยวของตนลงดำน้ำตรงจุด ทำให้แนวปะการังสวยๆ บางยอดไม่สามารถเข้าไปดำชมได้ เนื่องจากมีเรือใหญ่จอดขวางอยู่ เมื่อบางยอดไม่สามารถชมได้จึงทำให้นักท่องเที่ยวไปกระจุกตัวแออัดอยู่จุดเดียว เป็นผลทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย ดังนั้นจึงขอฝากทัวร์เรือใหญ่ว่าพยายามหลีกเลี่ยงการทำแบบนี้เพราะไม่ควรทำ

เหนื่อยกันหรือยังครับ ถ้ายังเดี๋ยวจะพาย้ายจุดไปดำอีกจุดหนึ่ง จุดนี้สวยงามไม่แพ้กัน และที่สำคัญคือ คนไม่เยอะไม่ชุลมุนวุ่นวายเหมือนที่จาบัง ทั้งนี้เป็นเพราะแนวปะการังที่จุดนี้อยู่กระจายทั่วไปตามพื้นหินที่ท้องทะเล ทำให้ไม่เกิดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวเหมือนที่จาบัง ซึ่งเป็นจุดดำเพียงจุดเดียว จุดนี้คือ จุดดำน้ำที่เกาะหินซ้อน อยู่ห่างออกไปจากจุดเดิม 10 กิโลเมตร

ชื่อเกาะเรียกตามลักษณะของก้อนหินซ้อนที่ซ้อนทับกันว่า เกาะหินซ้อน เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของอุทยานตะรุเตา เมื่อมาถึงเรือจะพาอ้อมเกาะเพื่อชมลักษณะของหินซ้อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพกัน เกาะนี้เป็นเล็กขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นภูเขาหินที่โผล่พ้นน้ำมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมนิดหน่อย ไม่มีชายหาด ความสวยงามของเกาะหินซ้อนคือโลกใต้ทะเลที่สวยงาม เมื่อจุ่มหน้าลงน้ำก็จะได้เห็นปะการังก่อนหลากสีกระจายอยู่ทั่วไปตามพื้นหินใต้น้ำ
เหนื่อยแล้วครับ เมาเรือด้วย ขึ้นพักผ่อนชายหาดกันก่อนครับ บริเวณนี้มีชายหาดให้เที่ยวชมหลายแหล่ง เรียกได้ว่า เที่ยวกันไม่รู้จักเบื่อ ที่เกาะราวีมีหาดทรายขาว เป็นหาดที่มีชื่อเสียง ด้านหน้าหาดเหมาะกับการเล่นน้ำ ชายหาดไม่ลาดเทมาก เล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย นอกจากเกาะราวีแล้วก็ยังมีชายหาดสวยๆ ที่เกาะอื่นอีกหลายจุดแล้วแต่ว่านักท่องเที่ยวจะสะดวกที่ไหน ที่เกาะอาดังก็มีหาดสวย แต่การลงเล่นน้ำต้องระวังนิดหน่อย เพราะแนวชายหาดลาดเทมาก ไม่ควรลงเล่นเวลาน้ำขึ้นเพราะอาจจะโดนคลื่นดูดลงไปในเขตน้ำลึกได้ นอกจากเล่นน้ำแล้วอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจคือเดินเล่นชายหาดยามเย็นเป็นบรรยากาศที่ดีมาก

หายเหนื่อยแล้วไปเที่ยวกันต่อ จะพาไปดำชมปลาการ์ตูนนีโม ปลาการ์ตูนมีให้ชมทุกจุดดำน้ำ แต่ถ้าต้องการเห็นปลาการ์ตูนแบบใกล้ๆ ต้องเลือกจุดดำ จุดแรกอยู่ที่อ่าวโนเนมไม่มีชื่อ จุดนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยกอดอกไม้ทะเล ที่ไหนมีดอกไม้ทะเลที่นั่นมักจะมีปลาการ์ตูน ที่จุดนี้มีปลาการ์ตูนนีโมเยอะมากๆ ถ้าชอบดำชมปลาการ์ตูนรับรองไม่ผิดหวัง แต่ปะการังอื่นๆ ไม่ค่อยสวย ถ้าต้องการชมปะการัง และปลาการ์ตูนต้องไปดำที่เกาะราวี ที่เกาะราวีมีจุดดำน้ำอยู่บริเวณหน้าหาด แนวปะการังไม่กว้างมากนักแต่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังแข็งมากมายอยู่ในระดับน้ำตื้น ดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนพอมีให้ชมหลายกอ ปลาสิงโตก็พบเห็นได้บ่อยที่จุดนี้

นอกจากนี้ยังมีปลารับแขก คือ ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง ทุกครั้งที่ลงดำที่จุดนี้ก็จะเห็นปลาการ์หางเหลืองว่ายออกมาโชว์ตัวทุกครั้ง การชมปลาการ์ตูนในเขตน้ำตื้นควรชมด้วยความระมัดระวัง อย่าไปไล่จับมัน เพราะเป็นการรังแกเจ้าของบ้าน และอีกอย่างหนึ่งคือ พวกคนขับเรือมักจะดำลงไปจับปลาการ์ตูนนีโมขึ้นมาใส่ขวดให้นักท่องเที่ยวดู พอนักท่องเที่ยวเห็นก็ทำเป็นตื่นเต้น ทำให้ผู้ที่จับปลาการ์ตูนมีกำลังใจที่จะจับให้คณะอื่นดูต่อไป แต่รู้มั๊ยว่าปลาการ์ตูนที่โดนจับมามีโอกาสรอดเกือบเป็นศูนย์ ทั้งนี้เพราะว่าปลาการ์ตูนมีภัยอยู่รอบด้าน ที่ร้ายกาจคือปลานกแก้วที่คอยจับปลาการ์ตูนกิน ดังนั้นปลาการ์ตูนจึงต้องอาศัยหลบอยู่ในกอดอกไม้ทะเล เมื่อเราจับปลาการ์ตูนขึ้นมาดูบนเรือแล้วปล่อยไป มันก็คงไม่รอดเพราะกว่าที่มันจะไปหากอดอกไม้ทะเลเจอก็คงโดนปลาอื่นจับกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะหากอดอกไม้ทะเลเจอก็ใช่ว่าจะรอดเพราะกอดอกไม้ทะเลคือบ้านของปลาการ์ตูนตัวอื่น ซึ่งหวงรัง เมื่อมีปลาตัวอื่นเข้าไปก็จะไล่กัด สุดท้ายก็ต้องหนีออกมาโดนปลานกแก้วจับกิน ดังนั้นจึงไม่ควรจับปลาการ์ตูนขึ้นมาจากกอดอกไม้ทะเล และหากเห็นคนขับเรือ หรือ เด็กเรือจับขึ้นมาก็ให้ตำหนิเขา เพื่อว่าต่อไปเขาจะได้ไม่ทำอีก
จุดดำน้ำข้างเกาะผึ้ง เป็นจุดดำน้ำอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ จุดเด่นคือ ปะการังอ่อน และ กัลปังหาสีสวยหลายสี ที่ขึ้นอยู่บริเวณเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีปะการังแข็งอยู่เป็นจำนวนมาก

การเดินทางไป เกาะหลีเป๊ะ  จังหวัดสตูล
เกาะสิเป๊ะหรือเกาะหลีเป๊ะ อยู่ทางใต้ของเกาะอาดัง 2 กิโลเมตร มีชุมชนชาวเลอาศัยอยู่หลายครัวเรือน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการประมง ในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 6 และเดือน 12 ตลอด 3 วัน 3 คืน ชาวบ้านทีมีเชื้อสายชาวเลจะร่วมกันจัดงานรื่นเริง และที่สำคัญที่สุดคือ ชาวบ้านจะช่วยกันต่อเรือด้วยไม้ระกำ และประกอบพิธีลอยเรือด้วยเป็นความเชื่อว่าเป็นการเสี่ยงทายโชคชะตาในการประกอบอาชีพประมง

จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ ความเป็นธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มเหมือนแป้ง มีอ่าวที่สวยงามชื่อ "อ่าวพัทยา"และ "หาดชาวเล" มีลักษณะโค้งเว้า ทรายขาวละเอียด ซึ่งทั้งสองหาดนี้สามารถเดินถึงกันได้โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
การเดินทางไป เกาะหลีเป๊ะ Koh Lipe at a glance

รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านเข้าเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง จากพัทลุงไปอำเภอรัตนภูมิ จังหวัดสงขลา ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 แล้วแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 406 ถึงจังหวัดสตูล ระยะทาง 973 กิโลเมตร
รถไฟ
สามารถเดินทางไปกับขบวนรถกรุงเทพฯ-ยะลา หรือ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ได้ โดยลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ รถจอดที่ใต้สะพานลอย หน้าที่ทำการไปรณีย์ สาขารัถการ หรือรถตู้โดยสาร หรือนั่งรถโดยสารประจำทางเข้าจังหวัดสตูล ระยะทาง 97 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดที่ สถานีรถไฟหัวลำโพง โทร. 223-7010, 223-7020 หรือ www.railway.co.th

รถโดยสารประจำทาง

มีรถโดยสารปรับอากาศและรถธรรมดา กรุงเทพฯ-สตูล ทุกวัน รถออกที่สถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี สอบถามรายละเอียดได้ที่ รถโดยสารธรรมดา โทร. 434-5557-8 รถปรับอากาศ โทร. 435-1199 หรือ www.transport.co.th
เครื่องบิน ไม่มีเที่ยวบินบินตรงไปจังหวัดสตูล แต่สามารถใช้บริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ แล้วต่อรถแท็กซี่หรือรถโดยสารประจำทางจากตัวอำเภอหาดใหญ่เข้าจังหวัดสตูลอีกประมาณ 97 กิโลเมตร


http://astore.amazon.com/savetravel-20

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น